ศูนย์ผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง
การผ่าตัดผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery) (MIS) คือ เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลง ลดอาการเจ็บแผล และใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดทั่วไป ส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น ทำการรักษาโดยทีมแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง โดยแพทย์จะทำการเจาะผิวหนังบริเวณที่จะทำการรักษาเป็นรูขนาดเล็ก ๆ เพื่อใส่กล้องและเครื่องมือผ่าตัดลงไปเพื่อทำการผ่าตัด โดยที่แพทย์สามารถมองเห็นรายละเอียดของตำแหน่งภายในร่างกายที่ต้องการผ่าตัดได้ชัดเจน ผ่านภาพทางจอทีวี ไม่ต้องเปิดหน้าท้องอีกต่อไป ซึ่งในปัจจุบันการผ่าตัดผ่านกล้องมีการพัฒนาไปมากจนสามารถนำมาใช้ในการผ่าตัดได้เกือบทุกประเภท และยังสามารถใช้ได้กับการผ่าตัดที่ซับซ้อน เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งกระเพาะอาหารระยะต้นถึงปานกลาง รวมถึงโรคไส้เลื่อน ซึ่งการผ่าตัดผ่านกล้องช่วยขยายภาพให้มีความคมชัด จึงเป็นการผ่าตัดที่มี ประสิทธิภาพสูง และให้ผลการผ่าตัดรักษาที่ดี จึงเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ในการผ่าตัดรักษาโรคที่จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
การผ่าตัดส่องกล้องรักษาโรคทางศัลยกรรมทั่วไป
กลุ่มโรคตับ อาทิ มะเร็งตับ, มะเร็งตับอ่อน
กลุ่มโรคระบบทางเดินปัสสาวะ ผ่าตัดต่อมหมวกไต, มะเร็งในไต,มะเร็งต่อมลูกหมาก
การผ่าตัดส่องกล้องกระเพาะอาหาร
การผ่าตัดส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทวารหนัก อาทิ มะเร็งลำไส้,ลำไส้อุดตัน
การผ่าตัดส่องกล้องรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ
การผ่าตัดส่องกล้องรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี
การผ่าตัดส่องกล้องรักษาโรคไส้เลื่อน
การผ่าตัดส่องกล้องตัดก้อนเนื้องอก
การผ่าตัดส่องกล้องโรคทางกระดูกสันหลัง ได้แก่ หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท, ข้อกระดูกสันหลังเคลื่อน กดทับเส้นประสาท โพรงประสาทตีบแคบ ข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อม เนื้องอกบางชนิด ถุงน้ำข้อต่อกระดูกสันหลัง ถุงน้ำบนเส้นประสาท
ข้อดีของการผ่าตัดโดยการส่องกล้อง
แผลเล็ก แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กกว่าวิธีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องอย่างเห็นได้ชัด โดยมีแผลเป็นขนาดเพียง 0.5 – 2.0 เซนติเมตร
เจ็บน้อย ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บแผลเป็นเวลาสั้นๆ และเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
ฟื้นตัวเร็ว ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็ว เนื่องจากเนื้อเยื่อได้รับความบาดเจ็บน้อยกว่า แผลผ่าตัดเล็ก เกิดพังผืดน้อย และลดโอกาสการเกิดแผลติดเชื้อได้มาก โดยใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การเตรียมตัวตนเองก่อนและหลังการผ่าตัดส่องกล้อง ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
จำเป็นต้องงดน้ำและอาหารเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับการผ่าตัด โดยอาหารที่ทานมื้อสุดท้ายควรเป็นอาหารอ่อนๆ และย่อยง่ายเพราะการรับประทานอาหารมากเกินไปก่อนผ่าตัดจะเกิดความเสี่ยงต่อการสำลักอาหาร และยังทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องอืดหลังผ่าตัดได้อีกด้วย
หากตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
หากกำลังรับประทานยา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์ ว่าจำเป็นต้องงดยาชนิดที่ใช้อยู่หรือไม่
แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย และทำการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด ตรวจวัดความดันโลหิต ชีพจร ระบบการทำงานของปอดและหัวใจ รวมถึงเอกซเรย์อวัยวะภายในที่เกี่ยวข้อง และอาจทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อประเมินภาวะสุขภาพพื้นฐานของผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัด
หลังการผ่าตัด
ผู้ป่วยอาจจะรู้สึกเหนื่อยและไม่มีแรงอยู่ประมาณ 2-3 วัน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้
หากมีอาการปวดหรืออาการคลื่นไส้หลังผ่าตัดควรแจ้งพยาบาลให้ทราบโดยอาการปวดแผลอาจพบได้ในช่วงแรกของการผ่าตัด ควรทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทา และเมื่อเวลาผ่านไปอาการปวดก็จะค่อยๆ ทุเลาลง
ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำได้โดยไม่ต้องกลัวแผลเปียก แต่หากเป็นพลาสเตอร์ปิดแผลแบบไม่กันน้ำ ก็ควรระวังไม่ให้แผลโดนน้ำอย่างเด็ดขาด จนกว่าจะครบกำหนดวันที่แพทย์นัดไปตรวจอีกครั้ง
หลีกเลี่ยงการยกสิ่งของที่หนักเกิน 4 กิโลกรัม หรือการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องในช่วง 6 สัปดาห์แรกและงดการออกกำลังกายอย่างหนัก ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
หลีกเลี่ยงการขับรถเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 7-10 วันหลังผ่าตัด
งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นระยะเวลาประมาณ 6 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8- 10 ชั่วโมง ในสถานที่ซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
รับประทานยาให้ตรงตามเวลา และครบจำนวนตามที่แพทย์สั่ง
ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
อาการผิดปกติที่ควรรีบพบแพทย์
คลื่นไส้ อาเจียน
มีไข้สูง
แผลผ่าตัดบวม แดง หรือมีเลือดออก
อาการปวดไม่ทุเลาลง เมื่อรับประทานยาแก้ปวด
มีเลือดออกทางช่องคลอด
ศูนย์ผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง
เปิดให้บริการ
Sunday/อาทิตย์ 13:00-16:00
Monday/จันทร์ 17:00-20:00
Tuesday/อังคาร 17:00-20:00
Thursday/พฤหัสบดี 17:00-20:00
Friday/ศุกร์ 17:00-20:00
Saturday/เสาร์ 09:00-15:00