โรคต้อหิน

ต้อหิน (Glaucoma) โรคต้อหิน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคความดันตาสูง โรคนี้ภาษาอังกฤษ เรียก Glaucoma การเกิดต้อหินนั้นไม่จำเป็นต้องมีความดันตาสูงเสมอไป เราจึงอาจเรียกโรคนี้ว่าเป็น โรคตา โรคซึ่งมีการทำลายเซลล์ประสาทตาในจอตา (Retinal ganglion cell) ต้อหินเป็นโรคที่เซลล์ประสาทในจอตาถูกทำลายจนตายไปเรื่อยๆ และการมองเห็น

กลไกการเกิดต้อหิน

ส่วนใหญ่เกิดจากการเสื่อมของร่างกาย ทำให้เส้นประสาทตาถูกทำลาย อาการสำคัญที่พบบ่อย คือความดันในตาสูง ในภาวะปกติน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา (Aqueous Humor) มีการไหลเข้าออกในลูกตาอย่างสมดุล หากมีการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงลูกตามาก หรือการไหลออกได้ช้า ทำให้ความดันในตาเพิ่มสูงขึ้น อาจเกิดอย่างช้าๆ หรือเฉียบพลัน ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค

ทำไมคนไข้ต้อหินจึงมีความดันลูกตาสูงกว่าคนทั่วไป

ลักษณะปกติของลูกตาจะมีการหมุนเวียนของน้ำภายในลูกตาอย่างสมดุลผ่านทางระบายน้ำบริเวณมุมตาดำ (trabecular meshwork) คนไข้ต้อหินมีความผิดปกติที่ทางระบายน้ำนี้ ลักษณะการผิดปกติแบ่งเป็นสองชนิด

1. ต้อหินชนิดมุมปิด เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างของตา ความดันในตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในกรณีที่เกิดขึ้นเฉียบพลันจะมีอาการ คือ ปวดตา หรือปวดศีรษะข้างเดียวกันร่วมด้วย มีตาแดงภายใน 30-60 นาที และมีแสงสีรุ้งรอบดวงไฟ และมองเห็นลดลง มีอาการคลื่นไส้ และอาเจียนร่วมด้วย และในกรณีเกิดขึ้นเรื้อรัง มุมของม่านตาจะค่อยๆปิดลง ผู้ป่วยมักปวดเรื้อรัง เป็นๆหายๆโดยไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นโรค

2. ต้อหินชนิดมุมเปิด พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากเนื้อเยื่อกรองน้ำเลี้ยงลูกตาค่อยๆทำงานมีประสิทธิภาพลดลง ความดันในตามักสูงขึ้นและทำลายขั้วประสาทตาในที่สุด ซึ่งในระยะแรกของโรค ชนิดมุมเปิดนี้จะไม่มีอาการแสดง ในช่วงแรกลานสายตาแคบลงเพียงเล็กน้อย ไม่สามารถสังเกตได้ จนเมื่อประสาทตาถูกทำลายไปมาก การมองเห็นจะลดลงอย่างชัดเจน และจะค่อยๆทำลายมากขึ้น จนส่งผลให้ตาบอดได้ ในบางรายความดันในตาไม่สูง ขั้วประสาทตาถูกทำลายไปเรื่อยๆ ทำให้ลานสายตาแคบลง

ปัจจัยเสี่ยง

  • ความดันในตาสูง

  • อายุมากกว่า 60 ปี

  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน

  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง

  • ใช้เสตียรอยด์เป็นเวลานาน โดยเฉพาะยาหยอดตาที่มีเสตียรอยด์

  • มีประวัติอุบัติเหตุทางตา หรือโรคทางตาอื่นๆ

  • สายตาสั้นมาก มีโอกาสเกิดโรคชนิดมุมเปิด สายตายาวมาก มีโอกาสเกิดโรคชนิดมุมปิด มากกว่าคนสายตาปกติ

เริ่มแรกจะต้องวัดการมองเห็นอยู่ในเกณฑ์ก่อนว่าปกติหรือไม่ ที่เน้นสำหรับการตรวจต้อหิน คือการวัดความดันลูกตา ซึ่งเป็นการตรวจที่สำคัญมากของการตรวจต้อหินเพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงเพียงอย่างเดียวที่ควบคุมได้ นอกจากนั้นยังตรวจการทำงานและรูปร่างลักษณะของขั้วประสาทตาซึ่งเป็นอวัยวะที่กระทบกระเทือนโดยตรงจากต้อหิน

การรักษาโรคต้อหินเรื้อรัง

  • การใช้ยา ( Medication ) มีทั้งเป็นรูปยาหยอดตา และยากิน

  • การผ่าตัด ( Trabeculectomy )

  • การยิงเลเซอร์ ( Laser trabeculoplasty ) ใช้เมื่อการใช้ยาไม่ได้ผลเช่นกัน แต่ประสิทธิผลด้อยกว่าการผ่าตัด